วิตามินบี 5
วิตามินบี5 หรือ กรดแพนโทเทนิก (Pantothenic acid) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ จัดอยู่ในกลุ่มของวิตามินบีรวม มีหน่วยวัดเป็นมิลลิกรัม (มก. หรือ mg.) ซึ่งร่างกายของเราสามารถสังเคราะห์วิตามินบี 5 ขึ้นเองได้ด้วยแบคทีเรียในลำไส้
มีหน้าที่ช่วยในกระบวนการสร้างเซลล์ต่าง ๆ การเจริญเติบโตของร่างกาย และการพัฒนาของระบบประสาทส่วนกลาง มีความจำเป็นอย่างมากต่อการทำงานของต่อมหมวกไต รวมไปถึงการช่วยสร้างเสริมภูมิต้านทานและใช้พาบาและโคลีนของร่างกาย และยังมีความสำคัญต่อการเปลี่ยนไขมันและน้ำตาลให้กลายเป็นพลังงาน
แหล่งที่พบวิตามินบี 5 ตามธรรมชาติ ได้แก่ เนื้อสัตว์ ไก่ ตับ ไต หัวใจ ธัญพืชไม่ขัดสี รำข้าว จมูกข้าวสาลี ถั่ว ผักสีเขียว กากน้ำตาลไม่บริสุทธิ์ บริเวอร์ยีสต์ เป็นต้น
ขนาดที่แนะนำให้รับประทานสำหรับผู้ใหญ่หรือที่ร่างกายต้องการคือ 10 มิลลิกรัมต่อวัน
วิตามินบี 5 ในรูปแบบของอาหารเสริม จะมีขนาดตั้งแต่ 10 – 100 มิลลิกรัม โดยมักผสมอยู่ในรูปของวิตามินบีรวม โดยขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือประมาณ 10 – 300 มิลลิกรัม
หากมีอาการเหน็บชาที่มือและเท้าบ่อย ๆ ควรรับประทานกรดแพนโทเทนิกร่วมกับวิตามินบีอื่น ๆ ให้มากขึ้น
การรับประทานกรดแพนโทเทนิก 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน สามารถลดระดับคอเลสเตอรอลและลดความเจ็บปวดจากโรคข้ออักเสบในผู้ป่วยบางรายได้
หากเป็นโรคภูมิแพ้ อาจบรรเทาอาการได้ด้วยการรับประทานวิตามินบี 5 รวมกับวิตามินซีอย่างละ 1,000 มิลลิกรัมพร้อมอาหารทั้งมื้อเช้าและมื้อเย็น
ประโยชน์ขอวิตามิน บี5
- ช่วยในการทำงานเป็นเกราะป้องกันความเครียดได้
- ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
- ช่วยลดอาการข้างเคียงจากการใช้ยาปฏิชีวนะ
- ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
- ช่วยในกระบวนการรักษาแผล
- ช่วยรักษาอาการช็อกหลังการผ่าตัด
- ช่วยป้องกันการอ่อนเพลียของร่างกาย
- ช่วยลดความเจ็บปวดจากโรคข้ออักเสบในผู้ป่วยบางรายได้
- ช่วยรักษาอาการเหน็บชาที่มือและเท้า
- ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย
- ช่วยสร้างแอนติบอดีซึ่งเป็นตัวสำคัญของภูมิชีวิต
- เมื่อร่างกายเปลี่ยนไขมันที่สะสมไว้ให้เป็นน้ำตาลเพื่อสร้างพลังงาน จะเป็นตัวสำคัญในการเปลี่ยนไขมันเป็นน้ำตาล
- ช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้น
- ช่วยให้ร่างกายหายจากการช็อกหลังการผ่าตัดใหญ่
- ช่วยให้อาการอ่อนเพลียหายเร็วขึ้น
- ช่วยลดอาการข้างเคียงจากการใช้ยาปฏิชีวนะ
- ช่วยรักษาอาการเหน็บชาที่มือและเท้า